วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ถั่วลันเตาผัดกุ้งสด

วันนี้เรามาทำผัดผักกินกันดีกว่าครับ เมื่อสามวันก่อน ไปจ่ายตลาด ซื้อกุ้งขาวตัวเล็กมาครึ่งโล ใส่ตู้เย็นไว้ แล้วดันลืมไปเลย ปล่อยมันนอนแข็งกันโด่เด่ในช่องฟรีซนั่นแหละ (โด่...เด่...?...) มาเมื่อวาน คุณย่าไปจ่ายตลาด หิ้วเอาเห็ดหอมสดมาด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกิน เพราะกับข้าวอย่างอื่นยังเต็มโต๊ะอยู่เลย เก็บใส่ตู้เย็นไว้ก่อน...ตามระเบียบราชการ พอมาถึงวันนี้ ผมก็ได้ถั่วลันเตามาสองขีด ขีดละ 12 บาทแน่ะ ถั่วมันฝักใหญ่ดี ท่าทางน่ากรอบๆหวานๆ เลยอดใจที่จะซื้อไม่ได้

หะแรกคิดว่าจะผัดกับน้ำมันหอยก็พอ ไม่ต้องใส่เนื้ออะไร กินเล่นเป็นอาหารเสริม แต่เอ๊ะ...เปิดตู้เย็นมาเจอกุ้งขั้วโลกนอนแข็งโป๊กอยู่ในช่องฟรีซ เห็ดหอมยังอยู่ดีในถุงพลาสติกที่มัดจนบวมเป่ง กินพื้นที่ตู้ชมัด...แครอทเกือบเหี่ยวอีกหัวเล็กๆ กับมะเขือเทศล้านปีสองสามลูก ไอ้ที่จะผัดน้ำมันหอยในความคิดครั้งแรก ก็มีอันต้องเปลี่ยนมาเป็นผัดผักรวมซะงั้น ก็แหม...ถ้าไม่ผัดวันนี้ มีหวัง ตู้เย็นกลายเป็นตู้เก็บขยะไปเลยน่ะแสะ...

ถั่วลันเตาเห็ดหอมผัดกุ้งสด


เครื่องปรุง


  • กุ้งขาวไซต์เล็ก 2 ขีด หรือจะใส่มากกว่านี้ก็ได้ ตามสะดวกครับ นำมาล้างแล้วเด็ดหัว แกะเปลือก ไว้หาง ผ่าหลัง ดึงเส้นกลางหลังออกให้เรียบร้อย

  • ถั่วลันเตา 2 ขีด ถั่วฝักใหญ่ๆ จะหอมหวาน และกรอบกว่าพวกฝักเล็กครับ แต่ก็แล้วแต่ความชอบ เอามาแช่น้ำเกลือสัก 10 นาที แล้วล้างผ่านน้ำอีกที เด็ดก้าน เลาะเส้นขอบเปลือกออก แค่นั้นก็พอครับ

  • เห็ดหอมสด 1 ขีด เห็ดหอมสดที่คุณย่าพามาเนี่ยะ มันช่างดูกระจุ๋มกระจิ๋มดีแท้ ดอกเล็ดกระจึ๋งนึงจริงๆ (บ่นทำไม...) เอามาล้างทำความสะอาด ดอกที่ใหญ่ๆก็ผ่าครึ่งซะ ส่วนพวกยิบพวกย่อย ก็ผัดมันทั้งอย่างนั้นแหละครับ

  • แครอท 1 หัว ปอกเปลือแล้วใช้มีดสองคมฝานเป็นเส้นๆ ทำไมหรือ...ก็เพราะว่า ถ้าเราฝานเป็นเส้นๆ จะทำให้สุกเร็วครับ และผมว่ามันกินง่่ายกว่า ไม่แข็งเหมือนการหั่นเป็นแท่งหรือเต๋า เวลากินก็มีความรู้สึกคล้ายกินผัดเส้นก๋วยเตี๋วน่ะครับ และยังทำให้ปริมาณผัดในจานดูเยอะขึ้นด้วยนะ

  • มะเขือเทศใหญ่ 1 ผล อันนี้จะหั่นเป็นกลีบ เป็นเต๋าหรือเป็นแผ่นก็เชิญตามลำบากครับ ที่แน่ๆ ส่วนใหญ่เวลาผัด มันก็จะเละไปก่อนแล้ว ไม่อยู่เป็นทรงนานนัก

  • หรอกพริกจินดาแดง 5 เม็ด เด็ดขั้วแล้วหั่นแฉลบ พริกชนิดนี้ ปกติก็จะเผ็ด ตามธรรมชาติของพริกนั่นและ...แต่เราแค่หั่นแฉลบ จึงทำให้ไม่เผ็ดมากเกินไป มีรสเปี้ยวแทรก และอมหวานนิดๆ ใส่ผัดอร่อยครับ

  • กระเทียมไทย 5 กลีบ เป็นคนไทยก็ต้องกินของไทย น้ำปลาไทย กะปิไทย ปลาร้าไทย ถั่วลันเตาไทย แครอทไทย พริกไทย ผัดไทย คันหูแบบไทยๆ จริงไมจ๊ะ...น้องจ๊ะจ๋า (ง่ะ...มีน้องจ๊ะ คันหู โผล่มาได้ไง...ชักจะเพ้อเจ้อ...เกี่ยวไรกะน้องเขาด้วยวะ...) และกระเทียมไทยเนี่ยะ...ทุบก่อนให้พอแหลก (แหลกล่าย...รึป่าว) ทุบมันทั้งเปลือกนั่นแหละครับ

  • ซ๊อสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

  • ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1/3 ช้อนชา

  • น้ำมันพืช 1 ทัพพี

ว่าแล้วก็ว่าตามกันมาเลยครับ...ทั่นผู้ชมสุดที่เลิฟ

วิดีโอเรื่อง "ถั่วลันเตาเห็ดหอมผัดกุ้งสด"



วิธีทำ


  • ตั้งกระทะบนไฟค่อนข้างแรง ใส่น้ำมันพืชลงไป รอให้ร้อนจัด เอากระเทียมลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ก็เอาพริกจินดาใส่ตามลงไปผัดสองสามที จากนั้น เอากุ้งลงผัดครับ ผัดพอให้กุ้งเปลี่ยนสี สังเกตุที่หางครับจะเปลี่ยนเป็นสีส้มจัด เนื้อกุ้งก็จะเป็นสีขาวขุ่น อย่าผัดนานครับ เพราะจะทำให้เนื้อกุ้งเหนียว ไม่อร่อย พอกุ้งสุกได้ที่ ตักออกใส่จานไว้ก่อน ทั้งกุ้งทั้งพริกนั่นแหละครับ

  • คราวนี้ก็รอให้กระทะร้อนอีกครั้ง ไม่ต้องใส่น้ำมันแล้ว เพราะมีเหลือจากการผัดกุ้งแล้วไง เอาผักทุกอย่างลงผัดเลยครับ เทใส่ไปทีเดียวทั้งถั่วลันเตา เห็ดหอมและแครอทเลย จากนั้นก็ผัด พลิกไปพลิกมา ใช้เวลานานนิดนึง ผมจะไม่ใส่น้ำครับ เพราะว่าน้ำที่เติมทีหลัง จะทำให้รสชาดความหวานของถั่วลันเตาลดน้อยลง และเวลาที่มันเย็นตัวแล้ว สีจะซีด ไม่น่ากินครับ เราผัดจนเห็นว่าถั่วสุกดีแล้ว คือสีเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขึ้นกว่าเก่าน่ะครับ

  • แล้วเราก็จะมาปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย น้ำปลา และน้ำตาลทราย เสร็จแล้วก็ผัดคลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเคลือบตามเนื้อผักให้ทั่ว แล้วเราก็จะเอากุ้งกับพริงที่ผัดไว้ ใส่ตามลงไป ผัดอีกแค่สี่ห้าที่ก็ปิดไฟ แล้วตักเสิร์ฟได้ทันทีครับ

สำเร็จเสร็จและ "ถั่วลันเตาเห็ดหอมแครอทมะเขือเทศผัดกุ้งฯลฯ"....ป้าดดดด ชื่อยาวไปมั้ง มีการเก้ารอเก้าด้วย...แค่ "ถั่วลันเตาผัดกุ้งสด" ก็พอแล้ว อะไรมันจะยัดเข้าไปซะจนผักปลิ้นอย่างนั้น

จากที่คิดว่าจะกินถั่วลันเตาผัดน้ำมันหอย เล่นๆเป็นอาหารเสริม อาหารว่าง แต่พอพี่ถั่ว เขามาเข้าพวกกับน้องกุ้งกุ้ง แค่นั้นแหละ ข้าวเกือบหมดหม้อไปเลยทีเดียว...นะนายจ๋า

...โอย...ปวดหัวตุ๊บๆ...คอเลสเตอรอลขึ้นว๊อย...

Mr.Ken

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น