วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยำผลไม้ เมนูเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

มาแข็งแรงกันเถอะครับ
ลมฟ้าอากาศบ้านเราเดี๋ยวนี้มันแปรปรวนกันใหญ่แล้วครับ ตอนเย็นหนาว ตอนเช้าร้อน มันเป็นไปนี่ คงจะตามกระแสโลกร้อนกระมังเนอะ...ปีนี้ฝนเยอะมากมาย หลายๆพื้นที่ก็อ่วมอรทัยไปตามๆกัน จากพิษน้ำท่วม นี่แว่วข่าวมาว่าในกรุงเทพไม่มีข้าวสารขายแล้วครับ พืชผักก็ขาดแคลน เพราะการขนส่งไม่สามารถเข้าไปถึงได้เลย ในพื้นที่น้ำท่วม แย่กันหน่อยครับปีนี้...เข้มแข็งกันไว้ คนไทยรักกันนะครับ

ตอนนี้น้ำยังปริมคอรอตอผุดกันแบบทุลักทุเล อดนึงไปข้างหน้าว่า ถ้าถึงตอนน้ำลดแล้ว ข้าวปลาอาหารก็ขาดแคลนกันอย่างนี้ ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิตเสื่อมแย่เลย หลายคนอาจป่วยไข้ เพราะร่างกายอ่อนแอ อาหารการกินก็คงจะต้องอัตคัตกันหน่อยครับ

พูดถึงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหลังน้ำลดแล้ว คนที่เคยแข็งแรง อาจกลายเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะได้นะ เพราะช่วงน้ำท่วมนั้น อาหารไม่เพียงพอต่อการบริโภค สารอารจากปลากระป๋องในถุงยังชีพคงไม่เพียงพอเป็นแน่แท้เชียวเลยครับ เมื่อร่างการขาดสารอาหารที่จำเป็น ความทนทานต่อโรคภัยก็ลดต่ำลงด้วย ถ้าบังเอิญเจอเข้ากับเชื้อโรคร้ายเข้าล่ะก็ คงจะแย่นะครับ...ผมก็ทำได้แค่เป็นห่วงเป็นใยพี่น้องผองเพื่อนผู้ประสบภัย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ที่ทำได้ก็นี่ครับ แนะนำวิธีสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยอาหารนี่แหละ


ยำผลไม้

เครื่องปรุง
1. แอปเปิ้ล 1 ผล จะแอปเปิ้ลแดง หรือเขียว หรือเหลือง ได้ทั้งนั้นครับ ช่วงนี้หัวใจเดาะ หัวใจเพลีย หัวใจละเหี่ยเหี่ยวห้อย...(ไอ้ที่เหี่ยวห้อยน่ะ มันอะไรกันแน่วะ...) กินแอปเปิ้ลบำรุงหัวใจกันเถอะครับ


2. แก้วมังกร 1 ผล อันนนี้ผมใช้แก้วมังกรขาว อันที่จริงผมชอบมังกรแดงมากกว่านะ แต่มันเป็นผลไม้ประเภทสีตกอ่ะ...เดี๋ยวสีตกใส่ยำ จะทำยังไง...ม่วงทั้งจานเชียวเลยสิครับ เจ้าแก้วมังกรเนี่ย มีธาตุเหล็กที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงด้วย...โห...เริ่มจะมาทางเภสัชโภชนาแล้วเรา...


3. องุ่นม่วง 1 พวง องุ่นที่ว่าเนี้ยะ เขาเรียกองุ่นนอกครับ สีม่วงๆนั่นแหละครับ ใส่ลงไป ช่วยบำรุงเลือด เคี้ยวมันทั้งเมล็ดในเลครับถ้าสามารถ...


4. Malberry 1 ถ้วย อะไรวะ...แดะประสาประกิตซะด้วย มันก็คือมะเม่า หรือลูกหม่อนนั่นเองครับ เรียกให้มันดูหราหรูคู่ครัว ยกระดับครับ...เก็บมาจากต้นสดๆ สะอาดและปลอดภัย...จะมะเม่า หมากเม่า เม่าเสี้ยน หรือมัดเซก็ว่ากันไปตามแต่จะเรียกกันในแต่ละถิ่นครับ...แต่ที่แน่ๆ มันเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา และยังช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายในระดับแนวหน้าเลยเชียวด้วยนะ...จะบอกให้


5. มะเขือเทศท้อ 1 ลูก ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมะเขือเทศท้อหรอกครับ มะเขือเทศราชินี หรือมะเขือเทศทั่วไปก็ได้ แต่ที่ผมเลือกมะเขือเทศชนิดนี้ เพราะลูกมันสวยน่ากินดี...ว่างั้น อันนี้เขาก็ว่าดีกับระบบเลือดระบบลม น่าชมจริงๆ...สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวของมะเขือเทศ ง่ายนิดเดียวครับ ผ่าครึ่งแล้วควักไส้ในออกทิ้งให้หมด เท่านั้น ความเหม็นเขียวก็จะไม่มาเยือนคุณอีกต่อไป...


6. พริกขี้หนู 15 เม็ด เก็บเองจากต้นสดๆที่ข้างรั้วบ้านครับ มันมากับขี้นก ตกปุ๊บงอกปั๊บ ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ซะหน่อย ลูกดกยังกะหนอนแน่ะ...กินพริกมากเกินขนาด อาจตายได้เพราะกระเพาะทะลุ แต่ถ้ากินขนาดพอดีพอควร มันคือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายครับ...เคยได้ยินไหมครับว่า คนที่กินเผ็ด จะมีความทนทานต่อความเจ็บปวดได้มากกว่าคนที่ไม่กินเผ็ดเลยน่ะครับ


7. หอมแดง 3 หัว คราวนี้ผมใช้หอมแขกอีกแล้วครับ ขี้เกียจปอกเปลือก ไม่อยากเสียน้ำตา...กินอาหารรสหวานมากๆ ต้องใส่หอมแดงลงไปช่วยครับ

8. ต้นหอม 2 ต้น ผักไม้ไส้เครืออะไรมันจะแพงมหาศาลบานตะไทอย่างนี้ครับ ซื้อต้นหอมกำละห้าบาท มีอยู่สามต้นเล็กๆลีบๆ...เฮ้อ...เอฟเฟคของน้ำท่วมละมังนี่ ต้นหอมนี่ช่วยบำรุงไตของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ อย่าขึ้นราคาจนแพงเกินไปเลยนะ...เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนชาวไทยครับ

9. ผักชี 1 ต้น นี่ก็เหมือนกันนะ แต่ดีหน่อยที่ได้ต้นใหญ่ใบสวยๆมากิน บำรุงกระเพาะอาหาร...แต่กินเยอะไปไม่ดีนะครับ น้ำมันหอมระเหยในผักชีจะทำให้มึนหัวครับ หัวหมุนติ้วเชียวแหละ เอาแต่พองามนะ...


10. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ กินน้ำปลามากไปก็ไม่ดีนะครับ โรคไตจะถามหา แต่ว่านะ...ถ้ากินกับข้าวในมื้อที่เราตกอยู่ในสภาวะชีวิตลำเค็ญแสนเข็ญใจน่ะ...น้ำปลาสาราถทดแทนสารอาหารประเภทโปรตีนได้ตั้ง 7% เชียวนา ทำเป็นเล่นไป แต่ต้องเป็นน้ำปลาที่หมักจากปลาจริงๆนะครับ ไม่ใช่น้ำปลาเทียมที่เอาน้ำผสมเกลือใส่กลิ่นปลานะ...เขาวิจัยกันมาว่าอย่างนั้น ว่าก็ว่าเถอะ 7%นี่ก็หรูแล้วนะ ยามไม่มีจะกินเนี่ยะ...แต่อย่าใส่เยอะ...มันเค็มมมมมมมม


11. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ ทำไมผมถึงเลือกใช้น้ำตาลทรายแดงเป็นประจำน่ะรึ...ก็เพราะว่ามันมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าน้ำตาลทรายขาวน่ะสิครับ มีแคลเซียมมากว่า 3 เท่า ธาตุเหล็กมากกว่า 2 เท่า และยังเป็นยาบำรุงพลังด้วยนะ ทำให้เลือดเดินสะดวกดี ผมเนี่ยะก็ไม่ใช่นักโภชนาการอะไรที่ไหนหรอกครับ เป็นแค่นักออกแบบกระจอกๆคนนึงเท่านั้นเอง แต่ที่ต้องใส่ใจกับเรื่องอาหารการกินขนาดนี้ เหตุผลก็คือ...ยิ่งแก่ยิ่งเสื่อมถอยยิ่งต้องบำรุงตัวเองให้แข็งแรงน่ะครับ...สมัยนี้ เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาที เป็นเงินเป็นทองไปทั้งนั้น เฮ้อ...ไม่อยากพูดถึงเลย


12. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ ดูจะเน้นไปที่การกินพื่อเสริมสร้างระบบเลือดนะเมนูนี้เนี่ยะ มะนาวนี่ก็เหมือนกันครับ บำรุงเลือด และยังบำรุงผิวพรรณด้วย เพี้ยง! หน้าแล้งนี้ขออย่าให้มะนาวลูกละแปดบาทอีกเลยเจ้าประคู๊ณณณณ


13. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา กินน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้ร่างกายร้อน เพราะน้ำตาลมีฤทธิ์ร้อน ผมจึงต้องใส่เกลือป่นซึ่งมีฤทธิ์เย็นลงไป ช่วยปรับสมดุลให้อุณหภูมิของเลือดลดลงครับ (วิชาการเต็มที่เลยนะเนี่ยะ) และรสเค็มๆของเกลือเนี่ยะนะ จะช่วยผลักช่วยดันให้รสเปรี้ยวของมะนาวแหลมขึ้นมาอีกด้วยครับ ใช้พอจำเป็น จะได้ไม่ต้องปวดหลังปวดเอวเพราะไตพิการนะครับ เขาว่าคนใจร้อนชอบกินหวาน...คนใจเย็นชอบกินเค็ม...คนกินเค็มมักจะขี้เหนียว จริงไหมล่ะนี่


คราวนี้ก็มาว่ากันด้วยเรื่อง การทำอย่างไรให้มันอร่อย กันนะครับ เอาล่ะ ก่อนอื่น ผมขอแนะนำวิดีโอชุดล่าสุด ใหม่เอี่ยมอ่อง แกะกล่องกิ๊วกิ๊ว...(บ้า) ลองชมวิธีการทำ ยำผลไม้ดูกันก่อนนะครับ เสรร็จแล้ว ถ้าไม่เคลียร์ ไม่โปร่งใสยังไง ผมจะอภิปราย เอ้ยยยย...ผมจะอธิบายอีกครั้งเป็นภาษาเขียนในบล็อกนี้แหละครับ




วิดิโอเรื่อง ยำผลไม้รวม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น