วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์ น้ำย่านาง

เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เข้าใครออกใครครับ พอถึงเวลาที่จะต้องป่วย ก็ต้องป่วย (นั่นน่ะสิ) เราทุกคนก็เลยต้องพึ่งโรงหมอเป็นสรณะกันล่ะ เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อสองเดือนก่อน ผมได้รับงานมาจากพี่ชายของเพื่อนซี้ คือก็ทำด้วยกันนั่นแหละครับ แต่เขาก็แบ่งให้เหมาเอาไซต์งานบ้าง ไอ้งานที่ผมรับมา เป็นงานบูรณะซ่อมแซมองค์พระปฐมเจดีย์ครับ ส่วนที่ผมต้องทำคือ การขัดเพดาน...

เพดานที่ว่าเนี้ยะ อยู่สูงมาก ต้องต่อนั่งร้านขึ้นไป ใช้เครื่องขัด แล้วเพดานของที่นี่เป็นไม้แป้นแผ่นใหญ่ๆต่อกันไปเป็นผืน มีการลงรักปิดทองเอาไว้ พอเมื่อถึงเวลาที่มันเสื่อมสลายคลายคุณภาพ ก็ต้องขัดลายเก่าของเดิมออก เพื่อที่จะลงสี ทาพื้น และปิดลายลงทอง ทับลงไปกันใหม่อีกครั้งครับ งานนี้ถึอว่าเป็นงานใหญ่สำหรับผมเลยทีเดียว ก็พระปฐมเจดีย์เนี่ยะ วัดระดับประเทศเชียวเลยนี่นา


การขัดก็คือใช้เครื่องมือขัดไม้ที่เขาเรียกว่า รถถัง ครับ แบบว่า ชูสองมือขึ้นฟ้า แล้วถูไปเรื่อยๆ ไม่หมูเลยนะครับ กับการที่ต้องยืนแหงนหน้า ยกแขนสูงและออกแรงบังคับเครื่องขัด กับเพดานสูงบนนั่งร้านเนี่ยะ ฝุ่นเฝิ่นตลบอบอวล ต้องหาชุดมนุษย์ประหลาดมาใส่กันจนดูไม่เป็นผู้เป็นคนซะ (เออ...แล้วปกติเนี่ยะ เอ็งดูเป็นผู้เป็นคนตรงไหนวะ...) ปิดหน้าปิดตา ปิดปากปิกจมูกจนมิดเชียว หน้างานมีสามสิบกว่าช่อง ช่องหนึ่งก็กว้างยาวประมาณ สี่-ห้าเมตร คิดดูเถอะครับ ทุลักทุเลใดๆในโลกนี้จะมาปาน...

และไอ้งานขัดที่ว่านี่แหละครับ ที่มันก่อปัญหาให้ผม คือว่า...การจะปิดทองบนเพดานนั้น จะต้องใช้ยางไม้เป็นตัวเชื่อม ให้ทองติด และยางไม้ที่ว่านี้ผมเองก็ไม่รู้จริงๆนะว่า เป็นยางรัก หรือยางไม้ชนิดอื่น แต่ที่แน่ๆ สองสามอาทิตย์นับจากเริ่มแบกเครื่องขัด ทำงานคลุกฝุ่นคลุกผงมา ผมก็เริ่มเกิดอาการคันตามตัว เป็นผื่นขึ้น เกากันจนเลือดกระจุย หนังกระจายครับ เกากันเพลินจนแผลติดเชื้อ อักเสบใหญ่โตครับ ก็ซื้อยากินเองทาเองไปเรื่อยเปื่อย ทนจะกระทั่งงานสำเร็จเสร็จล่วงด้วยดี สองวันให้หลัง ตื่นขึ้นมา ไอ้น้องที่ทำงานด้วยกันมันมาเจอหน้า ร้องลั่นปานว่าเจอผีหนุ่ม(ใหญ่)ที่โครตหล่อที่สุดในโลกเลยครับ...เฮ้ยพี่...เป็นอะไรวะ...

ครับ หน้าตา และเนื้อตัวของผมเป็นผื่นเป็นปื้น หน้าบวมอย่างเห็นได้ชัด แสดงอาการของการแพ้อย่างรุนแรงออกมากระทันหัน ที่เป็นอย่างนี้ก็น่าจะมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนักไปหน่อย กินเหล้าเมามันทุกวัน ข้าวปลาไม่แตะ กินแต่กับแกล้มแพงๆ แปะโป้งเอาเหล้าเขามากิน เช้าเป็นเช้า เมาค้างไปทำงาน ก็ไม่ค่อยได้งานน่ะสิ...(ชั่วเกินไปมั้ยเนี่ยะ...สงสัยโดนเขาแช่งรึเปล่าก็ไม่รู้...) อะไรต่างๆพวกนี้ ซึ่งมันสะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม บวกกับอายุที่เลยเลขสามด้วย ...(แง๊ๆๆๆๆ...ความจริงช่างโหดร้ายยิ่งนัก) ภูมิคุ้มกันตกฮวบฮาบกระทันหัน จนเกิดอาการอย่างว่านี่แหละครับ


Admit ทันทีครับ เข้าโรงหมอซะหลายวัน กลับออกมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านเป็นเดือน กินยาทุกวันตามหมอสั่ง ยาบ้ายาบอมากครับทั่น กินกันที ว่าเป็นเป็นกำมือๆ ยาก่อนอาหารน่ะ กินทีนึงก็จะอิ่มอยู่แล้ว ยังต้องมาอัดยาหลังอาหารอีก ส่วนข้าวน่ะ กินได้นิดเดียว เพราะอิ่มยาไปและ...ไม่นานอาการข้างเคียงก็บังเกิด ไตของผมเกิดทำงานผิดปกติอีท่าไหนไม่รู้ครับ แข้งขา เท้าเทิ้วบวมเป่งเลย เจ็บมากเวลาลงน้ำหนักที่ส้นเท้า จนแทบเดินไม่ได้แน่ะ เหตุเพราะกินยาขนานมหาศาลมากเกินไปไงครับ...จะหยุดยาก็ไม่ได้ ยังมีอาการภูมิแพ้อยู่ ทำไงครับทีนี้ จะรอพึ่งโรงหมออย่างเดียว ผมคงต้องตีนบวมตายซะก่อนเป็นแน่แท้

และแล้วก็ต้องพึ่งตัวเองครับ หนังสือไม่ได้มีเก็บไว้ในห้องสมุด อินเตอร์เนตก็ไม่ได้มีไว้ดูเว็บโป๊ โชว์เว็บแคมป์ แชทหาแฟนเท่านั้นนะ ผมหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต แล้วก็เจอของดีเข้าจริงๆครับ ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะไตพร่องจากการกินยาแผนปัจจุบันเป็นเวลานานๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอาการเท้าบวมอย่างที่ผมเป็นอยู่ คราวนี้ก็ต้องหาวิธีทำให้มันยุบครับ โดยส่วนตัวของผมเอง ผมเชื่อมั่นมาก ในเรื่องของการใช้สมุนไพรรักษาโรค แต่ก็ไม่ได้มีเวลาศึกษาจริงจังอะไร จนกระทั่งที่เท้าบวมเป่ง และเจ็บทรมานจนทนไม่ไหว ผมจึงตัดสินใจกินสมุนไพรที่ชื่อว่า "ย่านาง" ครับ

บริเวณหลังบ้าน มีเถาย่านางขึ้นอยู่อย่างดกดื่น ผมจึงแข็งใจเดินกระแผลกไปเลือกเก็บเอาใบงามๆ ไม่อ่อนไม่แก่มาประมาณ 30 ใบ ล้างให้สะอาด แล้วคั้นเอาน้ำมาดื่มครับ หะแรกที่น้ำย่านางไหลลงคอ มันพะอืดพะอมน่าดูชมเชียวแหละ สาบเขียวด้วย ผมกินแทนน้ำทั้งวันครับ ผลเป็นไงหรือ เช้าวันรุ่งขึ้น จับตีนตัวเองดู เอ๊ะ...มันเล็กลงแฮะ...เออ จริงด้วย มันยุบลง ถึงจะแค่นิดหน่อย ก็สังเกตุเห็นได้ชัดเวลาเดินลงน้ำหนักส้นก็รู้สึกเจ็บน้อยลง ไม่มั่นใจ... เอาอีกครับ ทำน้ำย่านางกินอีก และแล้ว...ตื่นเช้าขึ้นมาในวันที่สาม อาการเจ็บเท้าหายไป อาการบวมก็หายไปด้วย กลับมาเดินได้เป็นปกติ ส่วนยาโรงหมอก็ยังคงกินปกติครับ ผมจึงได้ค้นพบมหัศจรรย์แห่งพืชสมุนไพรด้วยตัวเอง เป็นที่ปลาบปลื้มยิ่งนัก ที่ยอมให้ตัวเองทดลอง และก็อดไม่ได้ที่จะนำเอาประสบการณ์ดีๆนี้ มาแบ่งปันให้กับผู้อื่นครับ มาดื่มน้ำย่านางกันเถอะ



วิดีโอชุด "น้ำย่านาง"

น้ำย่านาง
เครื่องปรุง


  1. ใบย่านาง 50 กรัม ในบางพื้นที่ที่ย่านางขึ้นอยู่ ใบของมันอาจจะใหญ่หรือเล็กไม่เท่ากันครับ บริเวณที่ดินชื้นๆ ใบจะใหญ่ สีเขียวเข้ม สดดี สวยกว่าพวกที่ขึ้นในดินแห้ง ซึ่งใบจะดูกระด้างกว่า หากจะนับเอาเป็นใบ เกรงว่าจะกะไม่ถูกกันเนอะ ใช้ชั่งเป็นกรัมนี่แหละครับ ดีที่สุด

  2. น้ำเปล่า 2 ขวด ผมใช้น้ำที่ส่งเป็นลังตามบ้านน่ะครับ กะง่ายดี ขนาดนี้ ปริมาณความเข้มข้นของสารคอโรฟิลว์ย่านางกำลังดื่มลื่นคอครับ
วิธีทำ


  1. ก็ไม่ยากเย็นอะไรล้างใบย่านางให้สะอาดทีละใบ โดยเฉพาะด้านใต้ใบ ที่มักจะมีขี้มดเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ อย่าคราบรอยเมือกตีนทาก เศษขี้หอยทากอะไรอย่างนี้ด้วย เราจึงต้องล้างแบบผ่านน้ำ ใช้นิ้วถูเบาๆให้ทั่วจนสะอาด แล้วเอามาผึ่งให้แห้งครับ

  2. จากนั้นก็นำมาขยำกับน้ำ ตามวิดีโอเลยครับ ผมถ่ายทำเองที่บ้านเชียวนะ...(คุยซะด้วย...) ขยำไปเรื่อยๆให้ใบช้ำ น้ำเขียวปื๋อ อย่างที่เห็นในวิดีโอครับ ผมใช้ครกช่วยให้ช้ำเร็วๆ มันเมื่อย...ขยำนานๆเนี่ยะ ไม่แนะนำให้ใช้เบรนเดอร์นะครับ เพราะเวลาปั่น จะเกิดความร้อนซึ่งอาจทำให้น้ำมัน และโอสถสารที่อยู่ในใบเปลี่ยนคุณสมบัติไปได้ ใช้ครกนี่แหละ โป๊กๆๆ ไปเลยครับ...พี่น้อง แต่ครกที่จะใช้เนี่ยะ ต้องล้างให้สะอาดนะครับ มีอยู่ครั้งนึง น้ำย่านางของผม ดื่มเข้าไป เฮ้ย...ทำไมเผ็ดวะ...คำตอบก็คือ คุณย่าของผมเอาไปตำน้ำพริกก่อนหน้านี้ แล้วผมมาใช้ต่อ ล้างไม่หมด ผมก็เลยต้องกินน้ำย่านางรสเผ็ดเล็กน้อยนั่นไง...

  3. มาว่ากันต่อ...จะโม้อีกนานมั๊ย...โขลกแหลกพอควรแล้วก็เอามาคั้นต่อ จนกระทั่งสีเขียวออกมามากที่สุด ใบย่านางจะสีซีดลง น้ำคั้นจะเขียวเข้มข้นขึ้น ก็ใช้ได้แล้วครับ เอามากรองกากออก เทใส่ขวด เก็บใส่ตู้เย็น กินก่อนอาหารประมาณ 15 นาที ครั้งละหนึ่งแก้วตู้มๆไปเลยครับ ผมเคยลองเอาน้ำตาลทรายแดงมาทำน้ำเชื่อม หยอดลงไปด้วย รสชาดกลมกล่อมดี แต่ทำไมรู้สึกว่าได้รสเค็มๆนะ...รสมือรึเปล่า (ขี้มือ...)
เรียบร้อยแล้วครับ น้ำใบย่านาง น้ำคลอโรฟิวล์ทำเอง 100%
ใครที่ห่วงว่า กินน้ำคั้นจากใบมันดิบๆเลยเหรอ ไม่มีพิษหรือไร ต้องขอบอกว่า แต่ก่อนผมก็เคยคิดแบบนี้ครับ คราแรกที่เริ่มทำกิน ดันเอาไปต้มซะก่อน ทว่า...ในใบย่านางนั้น มีน้ำมันชนิดหนึ่งอยู่ครับ เมื่อถูกความร้อนเข้า ก็รวมตัวกันเป็นก้อนเล็กๆกลมๆ ลอยเป็นแพอยู่บนผิวหน้า ยังกะไข่กบแน่ะ ส่วนน้ำที่ใช้ต้ม ก็กลายสภาพเป็นสีดำปี๋น่าเกลียดจะตาย...แล้วมันดูไม่น่าจะกินได้กว่าตอนไม่ต้มอีกหลายเท่าเลยครับ ผมเลยเลือกดื่มแบบไม่ต้ม ผลออกมาก็คืออย่างที่คุยให้ฟังนั่นแหละครับ...เยี่ยมจริงๆ

ย่านางมีสรรพคุณทางยาคือ ลดไข้ได้ทุกชนิด ช่วงที่ผมเริ่มดื่ม ก็มีอาการไข้ต่ำๆที่เกิดจากการอักเสบของแผลภูมิแพ้ด้วย น้ำย่านางช่วยบรรเทาได้เป็นอย่างดีครับ ดื่มก่อนนอนหนึ่งแก้วใหญ่ ตื่นเช้าขึ้นมา ไข้ลดลงเรียบร้อยแล้วครับ เนื่องจากว่า ย่านางเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น จึงช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ดีครับ

เอาล่ะครับ โม้มามากมายหลายกระบุง...หอมปากหอมคอมานาน จนจะเหม็นปากเหม็นคอกันแล้ว เอาไว้มีประสบการณ์ใหม่ๆเกี่ยวกับน้ำย่านางอีก ผมก็จะมาอัพเดทให้ได้อ่านกันอีกนะครับ

ขอให้มีสุขภาพดีกันทุกคนนะครับ

Mr.Ken

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น